นายสมบูณ์ วัชรพงษ์พันธ์ นายกสมาคมผู้เลี้ยงไก่เนื้อ เปิดเผยว่า ขณะนี้เกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ในประเทศ อยู่ในสถานการณ์ลำบาก เนื่องจากวัตถุดิบอาหารสัตว์หลายตัวมีราคาแพงขึ้นมาก อาทิ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์พุ่งสูงกว่า 11 บากิโลกรัม กกถั่วเหลืองราคาสูงถึงกิโลกรัมละ 20 บาท ซึ่งเป็นผลมาจากกลไกตลาด ส่งผลให้เกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์รายย่อยต้องแบกรับ ตันทุนอาหารที่สูง และส่วนหนึ่งเป็นเพราะรัฐบาลมีมาตรการผลักดันให้พืชเกษตรมีราคาสูง เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรชาวไรในประเทศ ขณะที่เกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ไม่ได้รับการดูแลใดๆต้องแบกรับตันทุนการเลี้ยงสัตว์ที่สูงขึ้นนี้ด้วยตนเองอย่างไรก็ตาม ด้วยความที่ก่ป็สินค้ส่งออกสำคัญของประเทศไทย กรส่งออกไก่จึงมีผลต่อความอยู่รอดของอุตสาหกรรมไก่เนื้อไทยทั้งระบบ ดังนั้น มาตรการดูแลอุตสาหกรรมไก่เนื้อที่สมาคมฯ ต้องการให้รัฐใส่ใจ สนับสนุน และจะช่วยดูแลไก่ทั้งระบบได้ นั่นคือ การส่งเสริมการเลี้ยงไก่ไร้คาร์บอน เพื่อลดปัญหาโลกร้อน ซึ่งเป็นทิศทางที่ตลาดหลั่กของไทยอย่างสหภาพยุโรป (อียู) ให้ความสำคัญ ทั้งนี้ อียูต้องการซื้อสินค้าที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมและไม่ได้มาจากการรุกป่ หากประเทศไทยยังไม่สามารถผลิตไก่ที่ปราศจากการทำลายป่า หรือ ไก่ไร้คาร์บอนได้ อาจถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้าตามจำนวนคาร์บอนที่ปล่อย ซึ่งหมายถึงความสามารถในการแข่งขันของไก่ไทยในเวที่โลกจะลดลง และแน่นอนว่าจะกระทบมาถึงไก่เนื้อทั้งอุตสาหกรรม"วัตถุดิบอาหารสัตว์ของไก่ มีส่วนผสมของข้าโพดเลี้ยงสัตว์เป็นหลัก งอยากให้รัฐบาลเน้นมาส่งเสริมการเลี้ยงไก่ด้วยผลผตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่ไม่รุกป่า ไม่มีการเผาตอซัง และส่งเสริมข้าวโพดหลังนา ทั้งนี้เพื่อป้องกันการสูญเสียตลาดส่งออก ฮันจะทำให้เกิดปัญหาตามมาอีกมาก " นายสมบูรณ์กล่าว
ข้อมูลข่าวและที่มา
ผู้สื่อข่าว : สุริยน ตันตราจิณ
ผู้เรียบเรียง : สุริยน ตันตราจิณ
แหล่งที่มา : สำนักพัฒนานโยบายและแผนการประซาสัมพันธ์