พืชกระท่อมได้รับการปลดล็อกออกจากบัญชียาเสพติด ประเภทที่ 5 โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 24 สิงหาคม 2565 เป็นต้นไป นำไปสู่ขั้นตอนการร่าง พ.ร.บ.พืชกระท่อม เพื่อควบคุมรายละเอียดการปลูกและการจำหน่าย จึงทำให้หลายคนเริ่มสนใจประโยชน์ของ "ใบกระท่อม" ซึ่งแต่เดิมเป็นพืชสมุนไพรในท้องถิ่นที่มีสรรพคุณทางยาช่วยบรรเทาอาการต่างๆ ได้
รู้จักประโยชน์ของ "ใบกระท่อม" มีสรรพคุณทางยาอย่างไร?
กระท่อม (ภาษาอังกฤษ Kratom, ชื่อวิทยาศาสตร์ Mitragyna speciosa) เป็นไม้ยืนต้นที่นิยมเพาะปลูกในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีหลายสายพันธุ์ ในประเทศไทยพบมากในพื้นที่ภาคกลาง และพื้นที่ป่าธรรมชาติของภาคใต้ เช่น จังหวัดสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ตรัง สตูล พัทลุง สงขลา ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส
ส่วนใบของพืชกระท่อม หรือใบกระท่อม ถูกใช้เป็นยาสมุนไพรในท้องถิ่นมายาวนาน แต่เดิมชาวบ้านนิยมเคี้ยวใบสด หรือนำไปตำน้ำพริก เพื่อช่วยให้รู้สึกมีเรี่ยวแรงเมื่อต้องออกไปทำไร่นา เนื่องจากพืชกระท่อมจะออกฤทธิ์คล้ายกับแอมเฟตามีน กระตุ้นประสาทให้ทำงานได้มากขึ้น
จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2522 กระท่อมถูกจัดเป็นยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 ชนิดเดียวกับกัญชา ตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ มาตรา 7 ก่อนจะถูกปลดล็อกอย่างเป็นทางการในปี พ.ศ. 2564
ใบกระท่อมถือเป็นภูมิปัญญาพื้นบ้านในการนำพืชมาใช้รักษาอาการต่างๆ ในสมัยที่คนส่วนใหญ่ยังไม่สามารถเข้าถึงการรักษาทางการแพทย์ได้ โดยในปัจจุบันมีการวิจัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับประโยชน์ของพืชกระท่อม ที่สามารถนำมาสกัดใช้ในทางสุขภาพได้ โดยมีสรรพคุณทางยา ดังนี้
รักษาโรคบิด ท้องเสีย ท้องเฟ้อ และอาการมวนท้อง
บรรเทาอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อตามร่างกาย
ใช้บดทำเป็นยาสมุนไพรสำหรับพอกรักษาแผล
แก้นอนไม่หลับ ช่วยระงับประสาท คลายวิตกกังวล
ช่วยให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่า รักษาระดับพลังงาน ทำงานได้นานขึ้น
โทษของใบกระท่อม และอาการข้างเคียงที่ส่งผลต่อสุขภาพ
ใบกระท่อมออกฤทธิ์ทางยาที่ช่วยบรรเทาอาการต่างๆ ในเบื้องต้นให้แก่ร่างกายได้ แต่หากกินในปริมาณที่มากเกินไป รวมถึงกินติดต่อกันเป็นเวลานาน ก็จะส่งผลเสียต่อสุขภาพได้เช่นกัน ปัจจุบันมีข้อระวังในกลุ่มที่นำไปใช้ในทางที่ผิด เช่น นำไปต้มเพื่อผสมกับเครื่องดื่มชนิดอื่นๆ โดยไม่ได้มุ่งใช้ประโยชน์ในทางสรรพคุณของยา สำหรับผู้ที่กินใบกระท่อมมากเกินไป จะมีอาการข้างเคียงดังต่อไปนี้
ปากแห้ง
เบื่ออาหาร
ท้องผูก
ปัสสาวะบ่อย
หนาวสั่น
นอนไม่หลับ
คลื่นไส้
อาเจียน
ผิวหนังสีเข้มขึ้น
ประสาทหลอน
หวาดระแวง
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการปลดล็อกใบกระท่อมเพื่อประโยชน์ทางอาหารและยาแล้ว แต่ก็ยังมีข้อควรระมัดระวังทางกฎหมายที่ควรคำนึงถึง โดยเฉพาะการนำไปใช้ผสมกับสิ่งเสพติดชนิดอื่น การขายน้ำต้มกระท่อมในหอพัก สถานศึกษา รวมถึงจำหน่ายอาหารที่มีส่วนผสมของใบกระท่อมแก่สตรีมีครรภ์ และผู้มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ล้วนถือเป็นความผิดตามกฎหมาย ไม่สามารถทำได้
ที่มา: สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา, สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด