นายกรัฐมนตรีแถลงออกทีวี เปิดประเทศภายใน 120 วัน
นายกรัฐมนตรีแถลงการณ์ผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ ตั้งเป้าเปิดประเทศภายใน 120 วัน โดยนักท่องเที่ยวต่างชาติกับคนไทยที่ฉีดวัคซีนครบโดสสามารถเดินทางเข้ามาได้โดยไม่ต้องกักตัว ยอมรับการตัดสินใจครั้งนี้มาพร้อมความเสี่ยง แต่เพื่อปากท้องของประชาชน ส่วนการเจรจากับผู้ผลิตวัคซีน 6 ราย ทำสัญญาซื้อไปแล้ว 105.5 ล้านโดส จะทยอยส่งมอบภายในปีนี้ คาดว่าต้นเดือนตุลาคมมีคนได้ฉีดวัคซีน 50 ล้านคน ขณะที่ ศบค.แถลงมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 2,331 ราย ตาย 40 ศพ ขณะที่หลายจังหวัดปิดโรงเรียนหนีโควิดเพื่อความปลอดภัย สธ.คุมเข้มเอกชนที่แสดงความจำนงนำเข้าวัคซีนทางเลือก ห้ามโฆษณาเกินจริง
การฉีดวัคซีนยังเป็นเรื่องใหญ่ที่ยังต้องแก้ไขปัญหารายวัน แต่ล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แถลงผ่านสถานีโทรทัศน์ตั้งเป้าเปิดประเทศ ภายใน 120 วัน และมอบนโยบายฉีดวัคซีนเข็มแรกให้แก่ประชาชนโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ขณะที่ ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อเดินหน้าฉีดวัคซีนให้ผู้ลงทะเบียนผ่านหมอพร้อมในพื้นที่ กทม.แล้วถูกยกเลิก
นายกฯลั่นเปิดประเทศใน 120 วัน
เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 16 มิ.ย. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม แถลงผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย “ประเทศไทยต้องเปิดประเทศภายใน 120 วัน” ว่า ในช่วง 1 เดือนกว่าที่ผ่านมา ได้สั่งการโดยตรงเพื่อบูรณาการการทำงานหน่วยงานและคณะกรรมการชุดต่างๆให้ฉับไวและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ตลอดจนแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็วบนพื้นฐานการรับฟังคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ขณะนี้มีความคืบหน้าเจรจากับผู้ผลิตวัคซีน 6 รายแล้วได้แก่ ไฟเซอร์ จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน โมเดอร์นา แอสตราเซเนกา ซิโนแวคและซิโนฟาร์ม โดยลงนามในสัญญาจองหรือสัญญาซื้อไปแล้ว 105.5 ล้านโดส ทั้งหมดจะทยอยส่งมอบเข้ามาภายในปีนี้ และเดินหน้าจัดหาวัคซีนเพิ่มเติมอีกสำหรับปีหน้า ยืนยันว่าสามารถฉีดวัคซีนให้ประชาชนเฉลี่ยประมาณเดือนละกว่า 10 ล้านโดส หากวัคซีนเพียงพอและประมาณต้นเดือน ต.ค.จะมีประชาชนที่ได้รับการฉีดวัคซีนอย่างน้อยเข็มแรกแล้ว 50 ล้านคน ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องมองไปในอนาคตที่ไกลขึ้นอีกคือการเปิดประเทศและรับนักท่องเที่ยวเข้าประเทศไทยอีกครั้ง นี่คือหนทางสำคัญหนทางหนึ่งที่จะช่วยบรรเทาความทุกข์ยากเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน ที่ไม่สามารถทำมาหากินกันได้มาเป็นระยะเวลานาน ขอแจ้งให้ทุกท่านทราบว่าตนตั้งเป้าเอาไว้ว่าประเทศไทยจะต้องเปิดประเทศทั้งประเทศให้ได้ภายใน 120 วันนับจากวันนี้
เตรียมรับนักท่องเที่ยวฉีดครบโดส
นายกฯกล่าวต่อว่า นักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนครบโดสควรเดินทางเข้าประเทศไทยได้โดยไม่ต้องกักตัว รวมทั้งคนไทยที่เดินทางไปต่างประเทศที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้วก็ควรเดินทางกลับเข้าประเทศโดยไม่ต้องกักตัวเช่นกัน รวมทั้งสถานที่ทำงานและธุรกิจร้านค้าต่างๆ ต้องกลับมาเปิดทำการได้ การเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศควรไม่มีข้อห้ามหรือข้อบังคับแบบเหมารวมทั้งจังหวัด และยังขอให้ผู้ว่าราชการทุกจังหวัดเริ่มเตรียมการทุกอย่างให้พร้อม เพื่อเปิดให้มีการทำมาหากินของประชาชนได้อีกครั้งตามกรอบเวลา โดยเริ่มนำร่องที่ จ.ภูเก็ต เปิดรับนักท่องเที่ยวเข้ามาแบบ Sandbox ซึ่งจะนำเข้า
ที่ประชุม ครม.พิจารณาและอนุมัติในช่วงสัปดาห์หน้า เพื่อเตรียมการเปิดประเทศในระยะต่อไป
ต้องเสี่ยงร่วมกันเพื่อความอยู่รอด
“ผมรู้ดีว่าการตัดสินใจของตนวันนี้ มาพร้อมกับความเสี่ยง เพราะเมื่อเราเปิดประเทศ ไม่ว่าเรา จะเตรียมการป้องกันขนาดไหนก็ตามก็ยังมีความเป็นไปได้ว่า อาจจะทำให้มีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นบ้าง แต่เมื่อเราประเมินสถานการณ์และคิดถึงความอยู่รอดในการทำมาหากินของพี่น้องประชาชนคิดว่าถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องยอมรับความเสี่ยงร่วมกันบ้าง หากความเสี่ยงนั้นเราได้ประเมินอย่างรอบคอบแล้วว่าอยู่ในระดับที่พอจะรับได้ เราต้องจัดลำดับความสำคัญภายในประเทศไทยของเรา เพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ ส่วนเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญๆหากพร้อมได้เร็วกว่า ก็ควรทยอยเปิดให้ได้เร็วกว่านั้น ยกเว้นหากมีสถานการณ์ร้ายแรงใหม่เกิดขึ้น หรือมีความจำเป็นจริงๆก็ให้พิจารณาเป็นกรณีไป” นายกฯกล่าว
รอจนไวรัสร้ายหมดจากโลกไม่ได้
นายกฯกล่าวว่า ที่ผ่านมาไทยประสบความสำเร็จในการรักษาชีวิตของคนไทย ไม่ให้เกิดการสูญเสียชีวิตของผู้คนเป็นจำนวนมาก ปกป้องชีวิตของผู้คน ไม่ใช่เพียงแค่การปกป้องชีวิตคนที่ได้รับเชื้อเท่านั้น แต่ปกป้องทั้งครอบครัว ไม่ให้ครอบครัวจำนวนมากต้องเจอกับความสูญเสียหนักหนาสาหัส เสียเสาหลักของครอบครัว หรือสูญเสียคุณพ่อ คุณแม่ สูญเสียปู่ ย่าตายาย ที่ดูแลลูกๆหลานๆของเราจนถึงวันนี้ เราทำสำเร็จทำให้ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่ปลอดภัยที่สุดในโลก แต่อย่างไรก็ตาม เราไม่สามารถรอจนไวรัสนี้หมดไปจากโลก และเราไม่สามารถรอจนทุกคนได้รับการฉีดวัคซีนครบ 2 โดสกันถ้วนหน้าก่อน แล้วจึงค่อยเปิดประเทศ สิ่งที่เราต้องทำคือ เราต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับมันให้ได้เหมือนกับโรคภัยอื่นๆ จัดการโควิดให้อยู่ในระดับที่ควบคุมได้และให้พี่น้องประชาชนกลับออกมาทำมาหากินกันได้อีกครั้งนี่คือนโยบายของตน และเป็นเป้าหมายที่ตนตั้งไว้
ย้ำปูพรมฉีดเข็มแรกเร็วสุด
นายกฯกล่าวว่า นโยบายสำคัญในระยะสั้นนี้ คือ ประชาชนทุกคนต้องได้รับการฉีดวัคซีนเข็มแรกโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ซึ่งเพียงเข็มแรกก็สามารถช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกัน และช่วยลดความเสี่ยงในการเจ็บป่วยหรือเสียชีวิต การเดินหน้าจัดหาวัคซีนเพิ่มเติม จนถึงตอนนี้ ยืนยันการจัดหามีการลงนามในสัญญาจองหรือสัญญาซื้อไปแล้ว 105.5 ล้านโดส ทำได้เกินเป้าหมายที่เราตั้งไว้ปีนี้ โดยทั้งหมดจะทยอยส่งมอบในปีนี้ และทยอยส่งในปีหน้า พยายามให้ส่งมอบตามกำหนดการ ส่วนการเดินหน้าตามแผนฉีดวัคซีนนี้ เราจะสามารถฉีดให้ประชาชนได้เฉลี่ยประมาณเดือนละ 10 ล้านโดส หากวัคซีนส่งมาเพียงพอในแต่ละเดือน และประมาณต้นเดือน ต.ค. จะมีประชาชนที่ได้รับฉีดวัคซีนอย่างน้อยเข็มแรกแล้ว 50 ล้านคนและระยะยาว คือการมีฐานการผลิตวัคซีนโควิด-19 ตั้งอยู่ในประเทศ
นายกฯกล่าวช่วงท้ายว่า ภารกิจสำคัญครั้งประวัติศาสตร์คือ การปูพรมฉีดวัคซีนทั่วประเทศให้ได้ครบตามเป้าหมาย ต้องเร่งให้เร็วที่สุดและต้องเข้าถึงทุกคน ทุกพื้นที่ ครอบคลุมทั้งประเทศ อาจมีความไม่สะดวกอยู่บ้าง พร้อมขอบคุณและส่งกำลังใจให้เจ้าหน้าที่และบุคลากรต่างๆที่เหนื่อยกันมากว่าปีครึ่งแล้ว และยังคงทำหน้าที่ต่อไปอย่างเต็มที่และเต็มใจในการปกป้องชีวิตของพี่น้องคนไทยด้วยกันทุกคน มีความเสี่ยง อยู่บ้างแต่ก็เป็นหนทางที่จะดีสำหรับประเทศไทย
www.tededkaichon.com
#เเทงไก่#ไก่ชนออนไลน์#บ่อนไก่#ทีเด็ดไก่ชน#ไก่ชนเงินล้าน
หมายเหตุ ขอขอบคุณข้อมูลจาก Khaosod