คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดนครศรีธรรมราช มีมติผ่อนคลายให้จัดมหรสพและสวนสนุกได้ แต่คงเข้มมาตรการคัดกรองและควบคุมโรคของเจ้าของสถานที่ ....ขณะที่สนามชนโค สนามชนไก่ และสนามกัดปลา ยังคงปิดชั่วคราวต่อไป
วันนี้ (10 มี.ค. 64) เวลา 14.30 น.ที่ห้องประชุมศูนย์ปฏิบัติการ ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช นายไตรรัตน์ ไชยรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดนครศรีธรรมราช โดยที่ประชุมได้รับทราบสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (Covid-19) ในระดับต่างๆ พร้อมทั้งความคืบหน้าการฉีดวัคซีนในกลุ่มเสี่ยงของจังหวัดต่างๆ ด้วย อย่างยิ่งได้มีการพิจารณาการผ่อนคลายมาตรการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโควิด-19 ให้สอดคล้องกับคำสั่ง ศบค.
ซึ่งในส่วนของจังหวัดนครศรีธรรมราช อยู่ในกลุ่มพื้นที่เฝ้าระวัง หรือพื้นที่สีเขียว เบื้องต้นที่ประชุมได้มีมติให้ผ่อนคลายมาตรการการจัดกิจกรรมรวมกลุ่มคน กิจกรรมสาธารณะ โรงมหรสพ และสวนสนุก แต่ยังคงตรวจคัดกรองเข้มข้นตามมาตรการ DMHTT คือ การเว้นระยะห่าง ใส่แมส ล้างมือบ่อยๆ มีการตรวจวัดอุณหภูมิ และสแกนแอฟพลิเคชั่นไทยชนะ ขณะที่ในส่วนของสนามชนโค สนามชนไก่ และสนามกัดปลา รวมทั้งสนามฝึกซ้อมและสนามแข่งขันในลักษณะทำนองเดียวกัน ยังคงให้ปิดชั่วคราวต่อไป จนกว่ามติ ศบค.จากส่วนกลางจะมีการเปลี่ยนแปลง
อย่างไรก็ตาม นายแพทย์จรัสพงษ์ สุขกรี นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมและการสำรวจกลุ่มเป้าหมายฉีดวัคซีนโควิด-19 จังหวัดนครศรีธรรมราชว่า ขณะนี้ได้กำหนดกลุ่มเป้าหมาย ไว้ 4 กลุ่ม ประกอบด้วย บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้าทั้งภาครัฐและเอกชน จำนวน 36,146 คน ,กลุ่มบุคคลที่มีโรคประจำตัว 35,080 คน โรคทางเดินหายใจเรื้อรัง 841 คน โรคหัวใจและหลอดเลือด 1,568 คน โรคไตเรื้อรังที่อยู่ในระยะ 5 ขึ้นไป 1,905 คน โรคหลอดเลือดสมอง 1,355 คน โรคมะเร็งทุกชนิดที่อยู่ระหว่างการรักษาด้วยเคมีบำบัด รังสีบำบัด และภูมิคุ้มกันบำบัด 428 คน และโรคเบาหวาน 29,793 คน ,กลุ่มผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป จำนวน 231,387 คน และกลุ่มเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมโรคโควิด-19 ที่มีโอกาสสัมผัสผู้ป่วย จำนวน 2,300 คน รวมกลุ่มเป้าหมายทั้งสิ้น 303,123 คน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการสำรวจความสมัครใจ โดยคาดว่าในส่วนของจังหวัดนครศรีธรรมราชจะได้รับการจัดสรรวัคซีนในห้วงประมาณเดือนมิถุนายน 2564
ที่มา https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG210310162640322