เปิดสนามชนไก่ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่จะทำยังไงให้สนามชนไก่อยู่รอดและไปต่อได้ยาวๆ ในยุคที่สนามชนไก่ผุดขึ้นหลายแห่ง การแข่งขันก็สูงขึ้นตาม ถ้าเป็นสนามชนไก่แบบดั้งเดิม แน่นอนว่ารายได้หลักๆ ก็มาจากการขายบัตรเข้าชม และค่าน้ำ หรือจากสปอนเชอร์สินค้าผู้สนับสนุนต่างๆ ที่หมุนเวียนกันเข้ามา บางแห่งอาจมีรายได้จากการปล่อยเช่าพื้นที่ขายของหรืออื่นๆ
แต่หากเอ่ยถึงสนามชนไก่ ในประเทศไทยนั้นมีสนามชนไก่ที่เป็นมาตรฐาน ที่เหล่าเซียนไก่ชนต่างยอมรับอยู่สองแห่ง นั้นคือ สนามไก่ชนเทิดไท ที่ตั้งอยู่จังหวัดสมุทรปราการ และสนามไก่ชนมหาลาภ ที่ตั้งอยู่ อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา สนามชนไก่มาตรฐาน เปรียบเสมือนเป็นแม่เหล็กที่ดึงดูดบรรดาเจ้าของซุ้มไก่ชน และเซียนพนัน ได้เข้ามาพบปะเหมือนเป็นตลาดหลักทรัพย์ที่มีเม็ดเงินหมุนเวียนสัปดาห์ละหลายสิบล้าน
วิวัฒนาการของโลกเปลี่ยนไป วงการไก่ชนเองก็เปลี่ยนไป หากถามว่าวงการไก่ชนทุกวันนี้เปลี่ยนแปลงไปมากแค่ไหน ต้องตอบว่าจากที่ไก่ชนออนไลน์ได้ติดตามมาตลอดหลายปีคือเปลี่ยนไปเยอะ คนที่เข้ามาสนามชนไก่ 90% เป็นคนที่เข้ามาเล่นการพนัน ตอนนี้เราอยู่บนวงการพนันไหมก็ไม่อยากพูดแบบนั้น แต่ก็ต้องยอมรับว่าการพนันเป็นสิ่งที่ทำให้กีฬาไก่ชนนั้นมีเสน่ห์มีมูลค่าขึ้นมาจากไก่ชนราคาหลักร้อย ก็กลายเป็นหลักล้านบาท สนามไก่ชนจึงเป็นตัวกลางในการเพิ่มมูลค่าให้กับไก่ชนได้
แม้ว่าสนามชนไก่จะขึ้นชื่อว่าเป็นตัวกลางในการจัดการแข่งขันต่างๆ แต่หากขาดการจัดการที่ดี โดยเฉพาะหากสนามชนไก่ปล่อยปะละเลย ขาดความเป็นกลาง หรือผู้ตัดสินถูกกดดันจากเซียนพนันเยอะขึ้น ทำให้การตัดสินใจในบางครั้งก็มีผลต่อการแพ้ชนะกันได้ สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่เป็นปัญหาต่อความเชื่อมั่นและกระทบต่อจำนวนผู้ชม หรือเซียนไก่ชนที่จะเข้ามาชมในสนาม ซึ่งจะต้องรีบจัดการ
ซุ้มลองบ่อน เป็นเสมือนดาบสองคมของสนามชนไก่ แม้เจตนาของทางสนามกับการมีซุ้มรองบ่อนก็เพื่อต้องการอำนวยความสะดวกให้กับซุ้มไก่ชนหลายแห่ง ที่เอาไก่เข้ามาเปรียบชนแล้วไม่ได้คู่ แต่หากมีการตัดสินที่ค้านสายตาก็ส่งผลเสียต่อทางสนามชนไก่ได้เช่นกัน
ทางรอดสำหรับสนามชนไก่ในยุคสมัยใหม่ นอกจากจะหากลยุทธใหม่ๆ เข้ามาช่วยเพื่อดึงดูดเซียนไก่ชนเข้าสนามแล้ว การมีคอนเนคชั่นดี ก็สามารถดึงทั้งสปอนเซอร์ และคนรักไก่ชนเข้าสนามได้ จึงเป็นโจทย์ใหญ่ที่เจ้าของสนามชนไก่ ต้องคิดใหม่ทำใหม่ เพื่อให้สามารถแข่งขันและดำเนินกิจการต่อไปในอนาคตได้