3 สายพันธุ์ที่ตลาดไก่ชน ให้การยอมรับและซื้อขายมากที่สุด
3 สายพันธุ์ที่ตลาดไก่ชน ให้การยอมรับและซื้อขายมากที่สุด แวดวงกีฬาชนไก่มีการพัฒนาสายพันธ์ไก่ชนออกสู่ตลาดจำนวนมาก รู้หรือไม่ว่า ตลาดไก่ชน พันธุ์ใดที่มีผู้นิยมนำมาพัฒนาต่อยอดมากที่สุดและแต่ละสายพันธุ์มีจุดเด่น จุดด้อยอย่างไร ทำไมคนจึงนิยมเล่น
สายพันธุ์ไก่พม่า
พม่าง่อน
พม่าง่อนเป็นไก่สองสายเลือดที่มีการพัฒนามายาวนานกว่ารูปแบบอื่น ๆ จนในปัจจุบันอาจจะกล่าวได้ว่าพม่าลูกผสมที่พัฒนากันหลากหลายล้วนเกิดจากพื้นฐานพม่าง่อนทั้งสิ้น พม่าง่อนมีจุดเด่นอย่างไร เป็นคำถามที่ถามกันไม่รู้จักจบสิ้น
1. กระดูกดีเยี่ยมครับ ได้โครงสร้างมาดีเยี่ยมดูแข็งแรงขึ้นเยอะ ถ้าได้เลือดง่อน 25 พม่า 75 ดูโครงสร้างดีมาก ๆ ถ้าได้เลือดพม่าสัก 87.5 ดูจะออกหน้าตาสีสรรและน้ำขนเป็นพม่าเยอะมาก ลีลาก็ค่อนข้างดี ลูกตีก็เผ็ดจี๊ดดีแท้ครับ ดังนั้นพม่า 87.5ง่อน 12.5 จึงถือวาเป็นพม่าง่อนในอุดมคติครับ
2. การเลี้ยงดูก็จะง่ายขึ้นด้วยครับ เพราะสามารถนำมาเลี้ยงได้ตั้งแต่อายุยังน้อย 9 เดือนก็ครอบสุ่มได้แล้ว เลี้ยงก็แข็งแรงง่าย ยืนระยะได้ดี ทนแรงเสียดสีได้ดี สำคัญที่สุดต้องัดสายพันธุ์ง่อท่มีน้ำอดน้ำทนให้มาก ๆ เพราะง่อนบางสายขี้ใจน้อยเหมือนกันพอเอามาใส่พม่าบางสายที่ขี้ใจน้อยยิ่งไปกันใหญ่
3. ลีลาเด่นที่พัฒนาได้มักจะเป็นโยกถอดถอย หรือหนุน ๆ ถอด ๆ ตีเจ็บ ถ้าเป็นม้าล่อมักจะเป็นม้าล่อทางยาวครับ ยางตัวชอบโดดสังเวียน บางทีขนแรกไม่โดดขนสองโดดเฉยเลย บางตัวขนแรกโดดขนสองไม่โดด ทางแก้คือเอามันกลับไปผสมสายตัวเมียม้าล่ออีกครับ จะมีการล่อเนียนขึ้นในชั้นลูก สำคัญให้หาตัวเมียสายม้าล่อสั้นไว้เป็นหลัก หากได้พ่อพม่าง่อนล่อยาวใส่เข้าไปมักจะไม่ผิดพลาดจะล่อสวยงาม
4. อายุพร้อมชนสำหรับไก่ลูกผสมสองสายพม่าง่อนคืออายุเลยขวบครับจะได้ เพราะกระดูกพม่าและกระดูกง่อนจะให้แข็งแกร่งจริงๆ ก็ต้องรอ12 เดือนขึ้นครับพอจะชนทางยาวได้ ถ้าได้ลูกแหลมจะดีที่สุดครับถือว่าสุดยอด
5. พม่าที่เน้นมาทำไก่สองสายควรเน้นที่น้ำขนดี ๆ นะครับเอาประเภทปีกยาว ๆ เลยก้นไป สร้อยคอปะบ่า ระย้ายาว ๆ จะดี เพราะง่อนขนน้อยเมื่อนำมาพัฒนาจะได้แก้ไขข้อบกพร่องของง่อนได้ครับ
พม่ารำวง
พม่ารำวงเป็นไก่ที่มีสไตล์เมื่อคู่ต่อสู้เดินเข้าหา จะวิ่งออกไปสั้นๆ วนซ้ายไป วนขวาไปมาแล้วกลับมาตบ แล้วเต๊ะแล้วตีด้วยแข้งหน้า พม่ารำวงจะเป็นไก่ที่ไม่ยอมให้คู่ต่อสู้ได้เข้าใกล้ตัวเลย จะวิ่งหนีออกประมาณ 3-4 ก้าวแล้วจะกลับมาตบ มาเต๊ะ มาตี จนคู่ต่อสู้เข้าไม่ถึงตัว เมื่อเจอไก่เชิงไล่ขี่คอ เมื่อไก่เชิงขึ้นไล่ประกบคอ จะออกวิ่งไปข้างหน้าเพื่อหาจังหวะตี คือไม่มีคอให้กอด ไม่มีคอให้ขี่ หรือเมื่อไก่เชิงมุดมัดเข้าปีก จะวิ่งออกแล้วกลับมาตบ ไม่มีปีกให้เข้าอีก
ไก่ประเภทนี้เก่ง ไอคิวดี ฉลาด แต่มักจะหลงทางคู่ต่อสู้ที่เป็นพม่า100 ที่ไม่ยอมเข้าเกี้ยว หรือเดินเข้าหาด้วยกัน ไก่พม่ารำวงส่วนมากจะเป็นไก่ที่เก่งเมื่อคู่ต่อสู้เดินเข้าหา แต่มักจะเสียเชิงชนกับไก่ที่ไม่ยอมเดินเข้าหา เช่นพม่าลูก 100 ไม่ยอมเข้าเกี้ยวเลย พม่าพวกนี้เก่งพม่าด้วยกัน จะหลอกล่อให้คู่ต่อสู้เดินเข้าหา ยั่วยุไปเรื่อยๆ ตัวเก่งๆลูกล่อลูกชนดีๆ ปากจะจิกดินคุ้ยเขี่ยยั่วยุคู่ต่อสู้ จนคู่ต่อสู้โมโห เมื่อคู่ต่อสู้โมโหจะเดินเข้าหา และจะเป็นตัวออกอาวุธให้คู่ต่อสู้หลงทาง
สำหรับพม่ารำวงถ้าตีไก่เชิง หรือไก่ที่เดินเข้าหาจะเป็นตัวโชว์ลีลาเพลงแข้งซะเป็นส่วนใหญ่ สำหรับการเพาะพัฒนาพม่ารำวงที่ผมจะกล่าวถึงนี้ ผมจะพูดถึงการเพาะพัฒนาให้ไก่พม่ารำวงที่สามารถเพาะพัฒนาออกมาแล้วสามารถ ที่ตีได้ทั้งไก่เชิง และไก่พม่าที่ไม่ยอมเข้าเกี้ยวเลย สำหรับแนวทางการเพาะพัฒนาก็มีวิธีการเรียนรัดดังนี้ครับ ก่อนอื่นต้องหาพ่อพันธ์ที่เป็นพม่ารำวงที่มีไอคิวดี ออกวิ่งวนซ้ายขวา แล้วตี และที่สำคัญต้องออกแข้งถี่มากๆ ถึงจะดี ไม่ใช่ได้แต่ลีลา วิ่งวนไปมา วิ่งสั้นสลับยาว แล้วค่อยออกอาวุธ
เราจะคัดพ่อพันธ์ที่ออกแข้งถี่ ลีลาดี วิ่งวนซ้าย ขวา ออกแข้งแม่นยำ แล้วหาแม่พันธ์ที่ตัวคู่ของมันผู้ชนถึงในสนามมาแล้ว และลีลา ลีลาที่ต้องการคือเดินเสริฟแข้งหน้า หรือเดินกระแทกแล้วซิ่งออกข้าง เต๊ะทีวิ่งออกสไลท์ข้างซ้ายที สไลท์ขวาที และที่สำคัญต้องเป็นไก่ที่ตีชนะไก่พม่าที่ถอย และสายพันธ์ที่เราจะพัฒนาต้องเป็นไก่พม่าเดินเสริฟ แล้วนำมาเพาะกับพ่อพันธ์พม่ารำวง ที่เราเตรียมไว้ เพื่อให้ได้สายพันธ์ที่ตีได้ทั้ง ไก่เดินเข้าหาและไก่ที่ถอยหลังตี “
พม่าแม่สะเรียง
ในวงการไก่ชนไทยทุกวันนี้ คงไม่มีใครกล้าปฏิเสธว่า ไก่ชนตัวเล็กสีสาลักษณะแปลกตากำลังมาแรงแบบ แบบชนิดที่ว่าฉุดไม่อยู่ และถ้าถามต่อไปอีกว่าไก่ชนดังกล่าวเป็นไก่สายพันธุ์อะไร คงหาคนในวงการไก่ชนที่ไม่ประสีประสาพอที่จะตอบไม่ได้ว่าเป็นไก่ชนสายพันธุ์พม่าแม่สะเรียงได้เป็นแน่ หรือ น้อยคนนักที่จะตอบไม่ได้ และในเมื่อผลปรากฏที่ชัดเจนว่าไก่ชนสายพันธุ์พม่าแม่สะเรียงกำลังมาแรง มันเป็นเพราะอะไรทำไมถึงได้เป็นเช่นนั้น? ในเมื่อมันมีผลที่ปรากฏชัดเจนแล้วมันก็ที่จะต้องมีสาเหตุที่ทำให้เกิดผลนั้น ๆ และสาเหตุที่ทำให้ไก่พม่าแรงแรงจนฉุดไม่อยู่นั้นคงจะหนีไม่พ้น แข้งหน้าที่จัดจ้าน ลูกตีที่เฉียบขาดแม่นยำและดุดัน ประกอบกับลีลาอันมีเสน่ห์เฉพาะตัวที่ว่าด้วย โยกล่าง ลอด ถอด ถอย สาดแข้งเปล่า อย่างแน่นอน และเมื่อคุณอยากที่จะเป็นเจ้าของไก่ชนสายพันธุ์พม่าแม่สะเรียงเก่ง ๆ สักตัวไม่ว่าจะเป็นไก่ชนพม่าแม่สะเรียงเลือดร้อย หรือ แม้แต่ลูกผสมพม่าแม่สะเรียง + เมือง(ไทย) พม่าแม่สะเรียง + พม่า หรือ แม้กระทั่ง ลูกผสมพม่าแม่สะเรียง + ง่อน คุณจะมีวิธีการสังเกตอย่างไร หรือมีหลักในการเลือกซื้ออย่างไร ดังนั้นก็จะให้ความกระจ่างแก่คุณ เผื่อจะเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ยังขาดหลักการหรือวิธีการในการสังเกตไก่ชนสายพันธุ์นี้อยู่ หรือ มีหลักการสังเกตอยู่แล้วก็อาจจะเพิ่มเติมและเสริมให้ในส่วนที่ยังขาดหายไปได้ หวังว่าคงจะมีประโยชน์แก่ผู้ที่จะนำไปประยุกต์ใช้ในการสังเกตไก่ชนสายพันธุ์พม่าแม่สะเรียงไม่มากก็น้อย และทั้งหมดนี้จะเป็นหลักการคร่าว ๆ ในการสังเกตไก่พม่าแม่สะเรียง ดังนั้นเชิญติดตาม และทำความรักกับไก่ชนสายพันธุ์นี้กันได้เลยไก่พม่าเป็นไก่แม่สะเรียงที่ออกไปทางแปลกมากกว่าสวยงาม ทั้งกิริยาท่าทางรวมไปถึงลักษณะนิสัย ซึ่งแม้ในบางครั้งเลี้ยงหรือคลุกคลีกับคนมาตั้งนานแต่ก็ยังปรากฎอาการเปรียวให้เห็นอยู่เสมอ ๆ หรือ ตกใจอะไรง่าย ๆ อยู่ตลอดเวลา ซึ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงสัญชาตญาณระวังภัยของไก่ป่าที่ยังไม่จางหายไปในสายเลือด ดังนั้นเมื่อคุณจะซื้อไก่พม่าแม่สะเรียงสักตัวคุณจะต้องทำใจไว้ก่อนว่าคุณอาจจะได้ไก่ไม่สวยงามตามตำราโบราณ ประมาณว่า หงอนรัด ตาปลาหมอตาย จับขาดยาวสองท่อน หรือ หางยาวพุ่งเหมือนท่อนฟาง ฯลฯ แต่กลับได้ไก่ทีมี “หงอนหมูบ”และจับยานเป็นสามเหลี่ยม หรือแม้กระทั่งคุณอาจจะต้องวิ่งจับไก่ของคุณเมื่อไก่ของคุณหลุดในสนามชนไก่ และในบางครั้งคุณอาจจะต้องลำบากเวลาเข้าปากไก่คุณเวลาให้น้ำระหว่างพักยกก็เป็นได้
สายพันธุ์เหล่าป่าก๋อย
มีสีที่ค่อนข้างเป็นเอกลักษณ์ คือ มีลักษณะสีเลา ต้องมีเลาขาวแซมตามสร้อย หางขาว เช่น เหลืองเลาหางขาว เขียวเลาหางขาว เป็นต้น มีกระขาวแซมตามหัวและส่วนต่างๆ บางตัวได้ลักษณะพระเจ้า 5 พระองค์ คือ มีจุดขาว 5 ตำแหน่ง หัว 1 ปีก 2 ข้อขา 2 ลำดับต่อมาก็ดูที่รูปร่าง ไก่เหล่าป่าก๋อยจะมีลักษณะเตี้ย ล่ำ เป็นไก่รอยเล็ก มีน้ำหนักตัวประมาณ 2.0 – 2.7 กิโลกรัม หงอนส่วนใหญ่จะเป็นหงอนหิน รูปร่างกลมมน ผิวหงอนเกลี้ยง เล็กกระทัดรัด เกล็ดแข้งส่วนใหญ่จะเป็นเกล็ดสองแถว ปัดตลอด จะเข้ขบฟัน เกล็ดแห้ง แข้งลักษณะค่อนข้างเหลี่ยมเล็กน้อย สีขาวหรือขาวอมเหลืองถ้าสีขาวชัดเจนจะดีมาก ท้องแข้งเต็ม กลมนูน เกล็ดบัวหลังเรียงเป็นระเบียบ ปากไก่เหล่าป่าก๋อย จะมีร่องน้ำชัดเจนทั้งสองข้าง สีขาวหรือสีขาวอมเหลือง ซึ่งสีของปากและแข้งของไก่เหล่าป่าก๋อยจะมีสีขาวหรือขาวอมเหลืองซึ่งเป็นลักษณะทางพันธุกรรมที่เด่นชัด ตา ของไก่เหล่าป่าก๋อย จะมีสีขาวอมเหลือง ถ้าไก่ตัวนั้นเป็นไก่สีเหลืองเลา และสีขาวอมเขียว ถ้าไก่ตัวนั้นเป็นไก่สีเขียวเลา หาง ของไก่เหล่าป่าก๋อย ส่วนใหญ่จะเป็นไก่หางขาว ก้านหางแข็ง หางพุ่งตรง ปลายหางแหลม ลักษณะหางสีขาว ก็เป็นอีกหนึ่งลักษณะประจำสายพันธุ์ที่เด่นชัด
จุดอ่อนของไก่เหล่าป่าก๋อย
ไก่เหล่าป่าก๋อยเป็นไก่เชิงล่าง ชนหัวต่ำ ถ้าเดินไม่เร็วจะไม่สามารถทำเชิงได้ จะกลายเป็นเป้าให้คู่ต่อสู้ที่ตีตีนเตี้ยเก่ง ๆ ไก่เหล่าป่าก๋อยเป็นไก่ที่ตีแบบประชิดตัว ถ้าเจอคู่ต่อสู้ที่ไม่ยอมให้เข้าคลุกวงใน ไม่มีปีกให้เข้า ไม่มีคอให้กอด เช่น ไก่เชิงม้าล่อ ไก่เหล่าป่าก๋อยก็จะทำอะไรไม่ถนัด แถมยังโดนดัก ตีอีกต่างหาก
ไก่เหล่าป่าก๋อยเป็นไก่เชิงจัด จึงต้องใช้แรงมากในการเข้าทำเชิงเพราะต้องเข้าทำเร็ว ถ้าแรงหมดก็จะไม่สามารถบดบี้ ตีคู่ต่อสู้ได้ไก่เหล่าป่าก๋อยเป็นไก่ที่ตีไม่เลือกที่ หรือตีหลายแผล ตีแบบสะสมไปเรื่อย ไม่เน้นแผลเดียว ส่วนใหญ่ตีแผลหนา ทำให้น๊อคคู่ต่อสู้ได้ช้า ถ้าเจอคู่ต่อสู้ที่มีแข้งคมๆ ตีแผลบาง เหลี่ยมหูเหลี่ยมตา ไก่เหล่าป่าก๋อยก็มีโอกาสตาบอด เปอร์เซนต์แพ้ ก็มีสูงเหมือนกันไก่เหล่าป่าก๋อย ใช่ว่าจะตีได้กับไก่ทุกเชิง ถ้
าเจอบางเชิงก็ตีไม่ได้เหมือนกัน แต่เชิงที่ไก่เหล่าป่าก๋อยชอบมากเป็นพิเศษ คือไก่พม่า เชิงถอย คอยดักสาดแข้งเปล่า หรือ โยกบน ถ้าเจอกับไก่พม่าเชิงนี้น้อยตัวที่ไก่ป่าก๋อยจะแพ้ เพราะไก่เหล่าป่าก๋อยเป็นไก่ที่มีความว่องไว วิ่งมุดหัวต่ำเข้าท้อง เข้าปีกซ้ายเข้าปีกขวา ก้าบหลัง ก้าบไหล่ตี ไก่พม่าจะทำอะไรได้ไม่ค่อยถนัด เพราะไก่พม่าส่วนมากชอบถอยแล้วสาดแข้งเปล่า ไก่เหล่าป่าก๋อยจะวิ่งก้มหัวต่ำเข้าประชิดตัวอย่างรวดเร็ว จุ่มตีหน้ากระเพาะ หรือมุดกัดข้อขาตี ตีตัว ตีซอก ทำให้ไก่พม่าถอยไม่ทันเพราะเกิดอาการจุกเสียด ลูกสาดแข้งเปล่าก็หมด ความแม่นยำและถี่ก็หายไปหมด ไก่พม่าเชิงนี้ก็จะกลายเป็นกระสอบทรายเคลื่อนที่ดีๆ นี่เอง ทำให้ไก่เหล่าป่าก๋อยถูกขนานนามว่า “มือปราบไก่พม่า” นอกจากเชิงนี้แล้วไก่เหล่าป่าก๋อยยังสามารถตีได้กับไก่เชิงพื้นๆ ทั่วไป
สายพันธุ์ไซง่อน
ไก่ไซง่อนมีถิ่นกำเนิดที่ประเทศเวียดนามผู้คนจึงนิยมเรียกว่า “ไซง่อน” ตามชื่อเมืองหลวงของเวียดนามใต้ในอดีต ลักษณะทั่วไปเป็นไก่พันธุ์หนักมีรูปร่างโต สูงใหญ่ ผิวหนังย่นหนาแบบหนังคางคกและมีสีแดงจัด หน้าตามีแววดุดันจนบางครั้งทำให้ดูน่ากลัว ปากใหญ่ยาวและหนาทนทานเป็นเลิศ ฉีกร่องน้ำ เป็นไก่ที่ตีหนัก ชอบตีบริเวณลำตัว และซอกคอเป็นหลัก ไก่สายพันธุ์นี้อาจมีการเข้าทำเชิงอาจน้อยไปบ้างเพราะเป็นไก่ขนาดใหญ่ มีมวลมาก จึงทำให้การหลบหลีกไม่คล่องตัวเท่าที่ควร ส่วนลักษณะที่เห็นชัดเจนที่สุดที่ใคร ๆ เห็นแล้วพอจะอนุมานได้ว่าไก่ตัวนั้นเป็นไก่ไซง่อนหรือไม่โดยสรุปก็คือ ไก่ไซง่อนส่วนมากแล้วจะมีขนปกคลุมร่างกายน้อย โดยเฉพาะบริเวณลำคอไม่มีขนปกคลุมเอาเสียเลย สามารถเห็นผิวหนังลำคอที่แดงจัดได้อย่างเปิดเผย ส่วนสีขนของไก่ไซง่อนนี้มีหลายเฉดสีแต่สีหลัก ๆ คือ สีเทา สีแดง สีเขียว สีด่าง สีปีกแมลงสาบ เป็นต้น ไก่ไซง่อนส่วนมากจะมีเกล็ดเรียงเป็นระเบียบแบบจระเข้ขบฟ้น(อีสานเรียกเกล็ดสับหว่าง)ซึ่งนับว่าเป็นไก่ที่มักมีลำแข้งกลมและสวยในอุดมคติ
การเลี้ยงไก่ไซง่อน
การเลี้ยงไก่ไซง่อนต้องอาศัยเวลามากกว่าไก่สายพันธุ์อื่น เนื่องจากไก่พันธุ์นี้ต้องการเวลาสร้างเนื้อสร้างตัวนาน ถ้ายังเป็นหนุ่มจะไม่มีจิตใจชอบต่อสู้มากนัก ต่อเมื่ออายุร่วม 24 เดือนแล้วจิตใจจึงจะเป็นยอดนักสู้อย่างเต็มตัว มีหลายคนที่ยังไม่เข้าใจธรรมชาติไก่สายพันธุ์นี้ดีพอ และมีหลายครั้งที่ไก่สายพันธุ์นี้ถูกตั้งข้อหาว่าเป็นไก่ใจเสาะจนต้องถึงลงหม้อไปก่อนวัยอันสมควรอย่างน่าเสียดาย แต่เมื่อนำมาผลิตเป็นไก่ลูกผสมก็จะทำให้ผลิตผลอย่างรวดเร็วลูกหลานสู้ไก่เร็วขึ้น
การต่อสู้
การเลี้ยงไก่ไซง่อนต้องอาศัยเวลามากกว่าไก่สายพันธุ์อื่น เนื่องจากไก่พันธุ์นี้ต้องการเวลาสร้างเนื้อสร้างตัวนาน ถ้ายังเป็นหนุ่มจะไม่มีจิตใจชอบต่อสู้มากนัก ต่อเมื่ออายุร่วม 24 เดือนแล้วจิตใจจึงจะเป็นยอดนักสู้อย่างเต็มตัว มีหลายคนที่ยังไม่เข้าใจธรรมชาติไก่สายพันธุ์นี้ดีพอ และมีหลายครั้งที่ไก่สายพันธุ์นี้ถูกตั้งข้อหาว่าเป็นไก่ใจเสาะจนต้องถึงลงหม้อไปก่อนวัยอันสมควรอย่างน่าเสียดาย แต่เมื่อนำมาผลิตเป็นไก่ลูกผสมก็จะทำให้ผลิตผลอย่างรวดเร็วลูกหลานสู้ไก่เร็วขึ้น