ฤดูฝนเป็นช่วงการวางไข่ของคางคก ซึ่งมักมีรายงานการเสียชีวิตจากการกินคางคกทุกปี เนื่องจากในตัวคางคกมีต่อมน้ำเมือก หรือยางคางคกที่มีพิษ
อันตรายจากพิษคางคก
อ.พญ.สุทธิมน ธรรมเตโช โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ยางคางคกมีฤทธิ์ทำให้ระคายเคือง และยังประกอบด้วยสารชีวพิษประเภท digitaloids ที่มีฤทธิ์ต่อการทำงานของหัวใจและระบบประสาทอย่างมาก
ผู้ป่วยส่วนใหญ่ได้รับพิษจากการรับประทานหนัง เลือด เครื่องใน หรือไข่ของคางคก ซึ่งมักเกิดจากความไม่ชำนาญในการชำแหละ ทั้งนี้ เนื่องจากพิษคางคุกทนต่อความร้อนการทำให้สุกจึงไม่ทำให้พิษหายไป
อาการหากได้รับพิษคางคก
อาการจากการได้รับพิษจากคางคก มักเกิดขึ้นหลังรับประทานในหลักชั่วโมงความรุนแรงขึ้นกับปริมาณพิษที่ได้รับ
น้ำลายมาก
คลื่นใส้ อาเจียน
ปวดท้อง ท้องเสีย
หากผิวหนังหรือดวงตาสัมผัสยางคางคกจะทำให้ระคายเคืองได้
หากอาการรุนแรงจะมีอาการทางระบบประสาท เช่น สับสน เพ้อ ไปจนถึงชัก
หรือหมดสติ หรืออาการทางระบบไหลเวียนโลหิต เช่น หัวใจเต้นผิดจังหวะ ซึ่งอาจทำให้ระบบไหลเวียนโลหิตล้มเหลวได้
การรักษาผู้ป่วยที่ได้รับพิษจากคางคก
ผศ.พญ.สาทริยา ตระกูลศรีชัย อาจารย์ประจำภาควิชาเวชศาสตร์ฉุกเฉิน รพ.รามาธิบดี ระบุว่า หากผู้ป่วยเผลอรับประทานพิษคางคกเข้าไปแล้วมีอาการผิดปกติ ให้รีบมาพบแพทย์โดยเร็วที่สุด โทร. 1669 เพื่อทำการรักษาอย่างถูกวิธี มีสิทธิ์รักษาหายได้เป็นปกติ ไม่ปฐมพยาบาลที่ทำให้อาเจียน ล้วงคอ หรือกินไข่ขาว เพราะอาจทำให้ผู้ป่วยสับสน และสำลักที่สิ่งกินเข้าไปได้ให้แพทย์รักษาตามหลักการรักษาผู้ป่วยที่รับสารพิษ ควบคู่กับการประกับประคองอาการ และติดตามอาการอย่างเหมาะสม
ขอขอบคุณ
ข้อมูล :อ.พญ.สุทธิมน ธรรมเตโช โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย,ศูนย์คอมพิวเตอร์ รพ.ราชวิถี
ภาพ :iStock