#ไก่พม่ามาทางนี้จ้าาาา
สาระน่ารู้...10เคล็ดลับสำหรับไก่พม่า
ข้อ 1. #ต้องปลํ้าซ้อมให้แข็งแรง
โดยธรรมชาติของไก่พม่าแล้ว จะเป็นไก่ยืนดินไม่แน่น รวมทั้งโครงสร้างไม่ใหญ่ เมื่อมาเจอกับโครงสร้างใหญ่แข็งแกร่งของไก่ไทยจึงมักจะเสียเปรียบแรงปะทะหากปล้ำไปน้อยๆมักจะยืนระยะไม่ค่อยอยู่รวมทั้งน้ำเลี้ยงของไก่ไทยนั้นถือว่าอย่ในระดับ “แข็งเป็นน็อต” หากปล้ำไม่ถึงแล้วละก็มีโอกาสจะถูกน็อคในไม่กี่อัน ไก่พม่าที่จะนำเข้าชนนั้นควรอย่างยิ่งที่จะต้องปล้ำให้ได้ครบ 10อันขึ้นไปเป็นอย่างน้อย
แม้ว่าบางครั้งจะเห็นเซียนภาคเหนือนำมาปล้ำเพียง 2 – 3 อัน ก็เข้าชนแล้วแต่ต้องอย่าลืมว่าไก่ที่เป็นคู่ต่อสู้นั้นก็เป็นไก่พม่าหรือลูกครึ่งพม่าด้วยกันรวมทั้งยังผ่านการปล้ำมาน้อยเช่นกันข้อได้เปรียบเสียเปรียบจึงหมดไปแต่ถ้าหากมาเจอไก่ไทยแล้วปล้ำมาไม่ถึงล่ะก็โอกาสชนะแทบจะไม่มีเลยทีเดียว
ข้อ 2. #ควรปล้ำให้ได้หน้า
(หน้าแตก) สัก 2 ครั้งเป็นอย่างน้อย โดยปรกติแล้วไก่พม่าจะเป็นไก่ผิวบอบบางไม่แข็งแกร่งเหมือนไก่ไทยหรือไซ่ง่อนดังนั้นการจะออกชนต้องปล้ำให้หน้าแตกเพิ่มความหนาของผิวหนังสัก 2 คร้งเป็นอย่างน้อย โดยเจ้าของต้องสังเกตว่าในการปล้ำแต่ละครั้งนั้นไก่ของเราโดนตีหน้าแตกพอที่จะนับเป็นจำนวนครั้งได้หรือไม่ พูดง่ายๆ
ก็คือ การปล้ำนั้นๆ ได้หน้าหรือเปล่า หากไม่ได้ หรือไม่โดนแผลที่หน้าเลย ก็ยังถือว่า หน้าไม่แตกและนับครั้งไม่ได้ ต้องหาโอกาสปล้ำใหม่ต่อๆ ไป หากไม่ปล้ำให้หน้าแตกเพิ่มความหนาแล้วล่ะก็โอกาสที่จะไปโดนตี หน้าเยิ้มเละในสังเวียนก็มีมาก นั้นหมายถึงโอกาสแพ้ก็จะมีสูงเช่นเดียวกัน
ข้อ 3. #ต้องได้อายุเป็นลูกแซมจะดีที่สุด
การที่จะนำไก่พม่าเข้าชนนั้น หากจะให้ดี,,,,, ควรเลือกไก่ที่เป็นลูกแซม เพราะจะได้ทั้งอายุ เนื้อหนัง รวมทั้งด้านจิตใจที่ฮึกเหิม เต็มที่ สามารถที่จะใช้อาวุธได้อย่างรุนแรง แต่ถ้าหากเป็นลูกหนุ่มแล้ว จะเสียเปรียบคู่ต่อสู้เป็นอย่างมาก
แม้จะเป็นไก่ในอายุเดียว กันก็ตาม เพราะนอกจากจะเสียเปรียบเรื่องกระดูกแล้วยังเสียเปรียบเรื่องผิวเนื้อหนัง และที่สำคัญคือเรื่องจิตใจ เพราะไก่ไทยนั้น จะชนนิ่งๆ ไม่ลุกลี้ลุกลนเหมือนไก่พม่า ซึ่งมีผลในด้านจิตวิทยาเป็นอย่างมากทีเดียว
ข้อ 4. #ให้กินเนื้อสัตว์
อย่างที่ทราบกันดีอยู่แล้ว ไก่พม่าเป็นไก่ที่มีโครงสร้างเล็ก ซึ่งความที่โครงสร้างเล็กนี้ ทำให้เกิดการเสียเปรียบแต่เราคงไม่ สามารถจะไปเพิ่มความใหญ่ของกระดูกที่ฝืนธรรมชาติได้เพราะเป็นพันธุกรรมที่มีมาแต่กำเนิดแต่เราสามารถที่จะเพิ่มความ แข็งแกร่ง
หนักแน่นให้กับกล้ามเนื้อในร่างกายได้โดยการเน้นที่อาหาร ดังนั้นในช่วงก่อนออกชนจึงควรที่จะให้กินเนื้อสัตว์เพื่อ เพิ่มโปรตีนเสริมสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแกร่งไม่ว่าจะเป็นเนื้อหมูไข่หรือเนื้อวัวโดยต้มให้สุกแล้วป้อนให้ไก่กินอย่างไรก็ดีการให้กินเนื้อนี้มีสิ่งที่ต้องพึงระวังก็คือไม่ควรจะเป็นเนื้อที่มีไขมันติดปนเพราะจะทำให้ไก่อ้วนเกิดความจำเป็น
ข้อ 5. #ควรตัดหงอนและเหนียง
โดยปกติแล้ว พันธุกรรมไก่พม่านั้นมักจะมีหงอนและเหนียงมากกว่าไก่ไทยบางตัวมีมากจนแลดูคล้ายไก่แจ้ไทเลยทีเดียว ซึ่งถ้าหากไก่ชนพม่าตัวใดมีหงอนใหญ่เคล็ดลับที่จะแนะนำคือการตัดออกการมีหงอนยาวนั้นเวลาเข้ามุกมัดหรือถอดหัวหนีจะไม่คล่องตัวเท่าที่ควรเพราะจะติดที่หงอนในขณะเดียวกันอาจจะโดนเบียดจนหงอนพับลงมาปิดตัวเองด้วยถือเป็นการรังแกตัวเองโดยไม่จำเป็นจึงควรอย่างยิ่งที่จะตัดออก
โดยเฉพาะช่วงขวบปีแรกถือว่า เป็นช่วงที่เหมาะที่สุด การตัดหงอนหรือเหนียงก็ไม่ได้ยุ่งยากอะไร ใช้ใบมีดโกนสะอาดๆ เฉีอนออกหรือจะใช้กรรไกรขลิบก็ได้ หลังจากนั้นก็ใส่ยาแดงโดยไม่ต้องเย็บ แผลจะหายภายใน 3 อาทิตย์ แต่ต้องระวังเรื่องการอักเสบ โดยจะต้องใส่ยาแดงทุกวัน
ข้อ 6. #ไม่ควรลงขมิ้น
ขมิ้นกับไก่ชนเป็นของคู่กัน เพราะจะช่วยเสริมเนื้อหนังให้แข็งแกร่งแต่สำหรับไก่พม่าแล้วไม่ควรลงขมิ้นอย่างเด็ดขาดเพราะการลงขมิ้นนั้นสมุนไพรจะไปสร้างกล้ามเนื้อให้บีบรัดเกิดการกระชับทำให้ไก่พม่าซึ่งต้องการความปราดเปรียวต้องสูญ เสียคุณสมบัติที่ดีไปหากไก่พม่าที่เลี้ยงไว้และลงขมิ้นมาแล้วสามารถที่จะแก้ไขได้ด้วยการนำไปอาบน้ำแล้วสระขนด้วยแชมพูสระผมซึ่งจะช่วยล้างคราบขมิ้นออกได้มากทีเดียว
ข้อ 7. #อย่าประคบร้อน(กระเบื้อง)
ไก่พม่าจะคล้ายๆกับนางงามผิวเนียน คือผิวจะ บอบบาง ซึ่งโดยปกติแล้วเราน่าจะสร้างความแข็งแกร่งให้กับผิดด้วยการประคบ ร้อนเพื่อเพิ่มความหนาของผิวหนัง แต่หากทำอย่างนั้นกับไก่พม่าล่ะก็ ผิดถนัดครับไก่พม่าเองไม่ได้ต้องการความหนาของผิวหนังเหมือนไก่ไทยเนื่องจากว่ามีขนปกคลุมเยอะทั้งตัว
ดังนั้นการระบายความร้อนจึงต้องผ่านขนที่ดกนั้นผิวหนังจึงจำเป็นต้องบางเพื่อให้การระบายความร้อนเป็นไปอย่างง่ายดายการไปเพิ่มความหนาให้กับผิวจะทำให้รูขุมขนไม่สามารถระบายความร้อนได้ดี ไก่จะหอบเร็ว นอกจากนี้ผิวหนังไก่พม่าต้องการการยืดหยุ่นตัวเมื่อโดนประคบร้อนบ่อยๆจะหดตึงทำให้ไม่สามารถบินได้คล่อง อย่างไรก็ตาม ข้อยกเว้นสำหรับการประคบร้อน
คือประคบได้ตามใบหน้าเท่านั้น เพราะเป็นพื้นที่ที่ต้องการความหนา ความ แข็งแกร่ง ,,ส่วนตามลำตัวนั้นไม่ควรประคบร้อนอย่างเด็ดขาด
ข้อ 8. #สีไก่ที่จะพรางตาคู่ต่อสู้
คำว่า “พรางตา” ในที่นี้คือ เลือกอย่างไรคู่ต่อสู้ของเราจึงไม่รู้ว่าเป็นไก่พม่าในเวลาเปรียบก่อนชน คำตอบคือ เมื่อจะเลือกเลี้ยง ไก่พม่านั้นหากเป็นพม่าแท้ๆ 100% คงไม่สามารถปิดบังได้แต่ถ้าเป็นลูกครึ่งการเลือกไก่ที่สีเหมือนไก่ไทยมากที่สุดในขณะที่ชั้นเชิงคงอย่างพม่าเอาไว้ได้จะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด เพราะเมื่อคู่ต่อสู้เห็นสีสันของไก่เราแล้วก็จะเข้าใจว่าเป็นไก่ไทย กว่าจะรู้อีกที ก็เมื่อเข้าสังเวียนจนโดนตีกระเดือกแทบพังไปแล้วนั่นแหละ
ข้อ 9. #ควรจะเลี้ยงกับทราย ธรรมชาติของไก่พม่านั้นมักจะชอบ
ดินชอบทรายเป็นพิเศษเพราะไก่พม่านิยมกันในภาคเหนือซึ่งเป็นภูเขาสูงพื้นที่ส่วนใหญ่จึงมักเป็นดินร่วนชุยคล้ายๆกับทรายดังนั้นหากเซียนภาคกลางที่ต้องการเลี้ยงไก่พม่าล่ะก็ ขอแนะนำให้ปูพื้นคอกด้วยดิน ทรายเพื่อให้เหมาะสมกับความเคยชินของไก่พม่าสภาพอากาศแม้ว่าในบางครั้งจะดูเป็นเรื่องเล็กน้อยแต่ก็มีผลไม่น้อยเช่นกันและอาจเป็นเส้นผมบังภูเขาที่เป็นสาเหตุให้ไก่พม่าในซุ้มของเราลดเก่งลง
ข้อ 10. #ควรจะล่อกับพื้นทราย
ไม่ว่าจะเป็นไก่ไทยหรือไก่พม่าก็แล้วแต่ เมื่อเราต้องการที่จะเลี้ยงออกชน ย่อมต้องมีการฝึกฝนเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่ง”””เคล็ดลับ”””
ในการล่อไก่พม่านั้น ไม่ควรอย่างยิ่งที่จะล่อกับพื้นดินหรือพื้นที่ปูพรม แต่ควรจะล่อบนพื้นทราย ด้วยเหตุผลในข้อที่กล่าวมา แล้วว่าไก่พม่าจะชินกับสภาพพื้นดินที่เป็น ทราย ทำให้เกิดความมั่นใจที่จะต่อสู้
#แต่เหตุผลที่สำคัญมันมีมากกว่านั้น โดยปกติไก่พม่าจะเป็นไก่ที่ยืนดินไม่แน่นเมื่อเราฝึกล่อกับพื้นดินหรือพื้นพรมที่แน่นนั้นจะทำให้ไก่เราชินกับสภาพดินดังกล่าวเมื่อเข้าชนก็จะยืนดิน ไม่แน่น แต่ถ้าหากเราฝึกกับพื้นทราย เป็นการฝึกให้เกิดการทรงตัวที่ดีขึ้น เมื่อฝึกนานเข้าไก่ของเราจะปรับสภาพได้ดีและยืนดินได้แน่นขึ้นนั้นเอง
และทั้งหมดนี้คือ เคล็ดลับ 10ข้อ ของไก่ชนพม่าที่หลายคนยังไม่รู้ และผมหวังว่าจะเป็นประโยชน์กับ ทุกๆ ท่านไม่มากก็น้อยครับ
แหล่งที่มา ความรู้ต่างๆเกี่ยวกับไก่ชน